AmericasSan FranciscoTop Destinationท่องเที่ยว

แจกแพลนขับรถเที่ยว ซานฟรานซิสโก 3 วัน 2 คืน

       ถ้าให้โหวตพิกัดยอดฮิตในอเมริกา เชื่อว่าซานฟรานฯ ต้องติดโผอยู่ในระดับท็อป 5 แน่ๆ เชียวละ เพราะนี่คืออีกหนึ่งเมืองที่มีทั้งเสน่ห์และสไตล์ในแบบฉบับของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ สถาปัตยกรรม หรือไลฟ์สไตล์ของผู้คนในท้องถิ่น และแม้จะเป็นเมืองที่เดินทางได้ง่าย แต่ถ้าอยากได้อีกบรรยากาศในการเที่ยวที่ให้ความเป็นส่วนตัวนะ บอกเลยว่าการขับรถเที่ยวซานฟรานฯ ก็ให้ความชิลล์ไปอีกแบบจ้า แล้วถ้าสนใจ อย่าลืมไปมองหาตั๋วเครื่องบินซานฟรานฯ กับ Traveloka กันนะ ตัวเลือกเยอะ ราคาสบาย เที่ยวซานฟรานได้แบบไม่บานปลายแน่นอน และอย่าลืมไปเช็คมาตรการสนามบินก่อนบินกันด้วยหล่ะ > คลิก
จองตั๋วเครื่องบินไปซานฟราสซิสโก กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/San-Francisco.SFO

 


แพลนขับรถเที่ยวซานฟรานซิสโก 3 วัน 2 คืน

 

วันที่ 1

 

        พิกัดแรกที่เราขอชวนไปเช็คอินกันก็คือ Golden Gate Bridge ซึ่งเปรียบเสมือนแลนด์มาร์คอันดับหนึ่งเมื่อคิดถึงเมืองซานฟรานฯ ตัวสะพานนั้นมีความยาวถึง 2.7 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างซานฟรานฯ กับเมืองมาริน เคาท์ตี้ของแอลเอเข้าไว้ด้วยกัน ในยุคแรกๆ นั้น หลายคนเชื่อว่าสะพานนี้คือสิ่งก่อสร้างซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะความยาว น้ำหนัก รวมถึงกระแสลมที่พัดแรงจนเกินไปนั่นเองจ้า เมื่อสร้างเสร็จใหม่ๆ โกลเด้น เกท จึงกลายเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างสุดมหัศจรรย์ของโลกเลยเชียวละ ความเจ๋งคือในแต่ละช่วงเวลาสะพานนี้จะมีความสวยที่แตกต่างกันออกไปด้วยนะ เป็นพิกัดที่ต้องมาโดนให้ได้เชียว

 

 

          จากสะพาน พิกัดต่อมาที่อยากชวนให้แวะกันก็คือ Golden Gate Park สวนกลางเมืองซึ่งเหมาะจะมาเดินเล่นชมไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของชาวซานฟรานฯ ไม่ว่าจะเป็นการมาวิ่ง ปั่นจักรยาน พายเรือ หรือเล่นวอลเล่ย์บอล นอกจากนั้น ยังมีพิพิธภัณฑ์ Academy of Sciences ซึ่งด้านในมีตู้ปลาและสัตว์น้ำหลากหลายชนิด มีศูนย์พฤกษชาติที่มีทั้งต้นไม้แปลกจากทั่วโลก และไม้ดอกในสวนสวยให้ชมกัน มี Japanese Tea Garden ที่จะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้วาร์ปไปอยู่เจแปนในพริบตา ต่อด้วยการมาชมบรรดาควายไบซันเป็นการส่งท้าย นี่คือสวนแห่งความหลากหลายที่เดินได้เพลินเชียวละ

 

 

        จุดเช็คอินต่อมา เราขอชวนให้ไปพักสายตากับความสวยของ Baker Beach ซึ่งมีวิวเด็ดของสะพานโกลเด้น เกทที่อยู่เหนือท้องทะเลสีครามเป็นไฮไลท์ นี่คืออีกมุมที่จะชมความงดงามอลังการของสะพานนี้ได้แบบน่าประทับใจเลยเชียวละ จึงไม่ต้องแปลกใจถ้ามาที่นี่แล้วจะได้เห็นบรรดาช่างภาพและคนรักการถ่ายรูปทั้งหลาย มากกว่าจะเห็นคนที่มาพักผ่อนหรือเล่นกีฬาทางน้ำเหมือนตามชายหาดอื่นๆ ทั่วไป ใครชอบถ่ายรูปแนะนำให้ปักหมุดตัวใหญ่ๆ เอาไว้เลย

 

      หลังจากเสพความสวยของธรรมชาติกันจนพอใจ ขอชวนให้ขับรถเข้าเมืองไปชมความงามของสถาปัตยกรรมกันบ้างดีกว่า กับอีกแลนด์มาร์คของซานฟรานฯ อย่าง Seven Sisters หรือ Painted Lady บ้านสวยสีลูกกวาดในสไตล์วิคตอเรียซึ่งเป็นบ้านโบราณที่ปัจจุบันเหลือให้เห็นเพียงแค่ 7 หลังในซานฟรานฯ เท่านั้นจ้า เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยเห็นที่นี่ผ่านตาจากภาพยนตร์หลายเรื่องมาบ้างแล้วละ โดยบ้านทุกหลังจะหันหน้าเข้าหา Alamo Square Park เราจึงสามารถนั่งชิลล์ชมวิวสวยๆ จากสนามหญ้ากันได้แบบสบายๆ นี่คืออีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของซานฟรานฯ ที่ไม่ควรพลาดเลย

 

 

         เย็นวันแรกในซานฟรานฯ อยากให้แวะมาชมวิวสวยๆ กันที่ Twin  Peak ดูจ้า นี่คือจุดที่ว่ากันว่าเราจะได้เห็นวิวของเมืองซานฟรานฯ แบบสวยที่สุดจุดหนึ่งเลยเชียวละ ทวิน พีค นั้นเป็นยอดเขาสูง 282 เมตรกลางเมืองซานฟราน จึงมองเห็นวิวสวยของเมืองนี้กันได้แบบพาโนรามา ช่วงเย็นๆ จะมีผู้คนมุ่งหน้ามาเสพวิวชิลล์ๆ ตรงนี้กันหนาตาเชียวละ ใครชอบดูดาวก็อยู่ให้ถึงช่วงค่ำไปเลยจ้า ว่ากันว่าจะได้เห็นดวงดาวลอยเกลื่อนฟ้าอยู่เหนือเมืองซานฟรานเลยนะ มาชมให้ได้เชียว

 


วันที่ 2

       เช้าวันต่อมา อยากชวนให้ขับรถมุ่งหน้าไปยัง Point Reyes National Seashore ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย ห่างจากซานฟรานฯ มาประมาณ 60 กิโลเมตร เพื่อมาเดินเทรลเสพทิวทัศน์ธรรมชาติสวยๆ ซึ่งที่นี่มีให้เดินกันหลากหลายเส้นทางและบรรยากาศเลยนะ ที่สำคัญ มาแล้วห้ามพลาดไฮไลท์สามแห่งนี้เลยเด้อ

 

 

  • Tomales Trail เส้นทางเดินชมวิวที่มีระยะทางไป – กลับประมาณ 10 กิโลเมตร แต่อย่าเพิ่งเบ้ปากส่ายหน้ากันล่ะ เพราะถึงจะไม่ใกล้ แต่ในเส้นทางนี้จะมีทิวทัศน์หลากหลายให้ชมกันนะ ไม่ว่าจะเป็นทุ่งดอกไม้สารพัดสี หรือทุ่งหญ้ากว้างบนเนินเขา ซึ่งถ้าโชคดีจะได้เห็นฝูงกวางเอลค์และเหล่าไก่งวงออกมาหากินกันด้วยจ้า ปลายเส้นทางเป็นทางเดินริมผาสูงที่ด้านล่างเป็นมหาสมุทรสีครามกว้างไกล ถ้าเดินไม่ไหวก็เอาเท่าที่ได้แล้วกันนะ เราว่ายังไงก็เพลิน

 

 

  • Lighthouse Point Reyes ประภาคารซึ่งตั้งอยู่ตรงปลายสุดของแหลมที่ยื่นยาวลงไปในทะเล ซึ่งว่ากันว่าที่นี่ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีคลื่นลมแรงที่สุดแห่งหนึ่งของชายฝั่งแปซิฟิกเลยนะ แถมยังเป็นพิกัดที่มีหมอกหนาเป็นอันดับสองของทวีปอเมริกาเหนือเลยด้วยจ้า ถ้าโชคดีอาจจะได้เห็นวาฬกันจากจุดชมวิวของประภาคารนี้เลยด้วยนะ จากบริเวณที่จอดรถต้องเดินกันประมาณนึงจ้ะ แต่ขอบอกเลยว่าตลอดเส้นทางมีจุดสวยๆ ให้แวะแชะแวะชมกันหลายแห่งเลยละ เชื่อว่าเพลินจนลืมเหนื่อยแน่นอน

 

  • Cypress Tree Tunnel เป็นพิกัดเด็ดอีกแห่งที่เหมาะจะมาถ่ายรูปเลยจ้า เพราะที่นี่เป็นอุโมงค์ต้นสน Cypress สูงใหญ่ ซึ่งปลูกขึ้นตั้งแต่ในช่วงราวๆ ปี ค.ศ.1930 โน่นเลยนะ อุโมงค์นี้ตั้งอยู่บริเวณสถานีรับสัญญาณวิทยุ KPH Maritime จ้า บอกเลยว่าแต่ละช่วงวันก็มีความสวยต่างบรรยากาศกันไปนะ เป็นแลนด์มาร์คเด็ดที่ต้องแวะมาให้ได้เชียว

 

 

      กลับเข้าซานฟรานฯ มาในตอนเย็น ขอแนะนำว่า Coit Tower เป็นอีกพิกัดที่ควรแวะมาเช็คอินกัน เพราะที่นี่เป็นหอคอยสูงที่ตั้งอยู่บน Telegraph Hill ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของเมืองได้แบบ 360 องศา หอคอยแห่งนี้ใช้เวลาสร้างถึง 5 ปี โดยด้านในมีจิตรกรรมฝาผนังซึ่งบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ทางสังคมและการเมืองจากศิลปิน 27 คนให้แวะชมกันด้วยจ้า เป็นอีกพิกัดชมวิวยามเย็นที่เด็ดไม่แพ้ใครเลยนะ ลองแวะมาดูด้วยตาตัวเองเลย

 


วันที่ 3

 

 

      Lombard Street คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์คเด็ดของซานฟรานฯ ที่อยากชวนให้มาลองฝีมือการขับรถกัน เพราะนี่คือหนึ่งในถนนที่ได้รับการขนานนามว่ามีความชันและคดเคี้ยวที่สุดแห่งหนึ่งในโลกเลยจ้า ถนนที่มีความยาวเพียงแค่ 400 เมตรแห่งนี้ สร้างขึ้นบนเนินเขาที่มีความชันถึง 40 องศา และมีทางโค้งไปมาลักษณะเหมือนงูเลื้อยถึง 8 โค้งเลยเชียวละ โดยเป็นทางวันเวย์ที่เปิดให้ขับลงได้อย่างเดียวจ้า เค้าจำกัดความเร็วอยู่แค่ 8 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้นนะ ที่สำคัญที่สุดก็คือเค้ามีกฎว่าห้ามจอดรถระหว่างทางโดยเด็ดขาดจ้า รับรองว่าจะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ขับรถที่หาไม่ได้จากที่อื่นแน่นอน

 

 

 

      พิกัดต่อมา คืออีกหนึ่งแหล่งเช็คอินสุดเก๋ของซานฟรานซิสโกซึ่งเชื่อว่าทุกคนต้องแวะไป นั่นคือ Pier 39 ซึ่งเป็นท่าเรือในบรรยากาศสบายๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันและความบันเทิงจ้า เพราะเค้ามีทั้งสวนสนุก พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกให้แวะมากินมาช้อปกัน ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ก็คือการไปส่องบรรดาสิงโตทะเลตัวแน่นๆ ที่มักจะมารวมตัวกันพักผ่อนหย่อนใจนอนอาบแดดบนโป๊ะลอยน้ำที่เค้ามีไว้ให้นี่ละ น่ารักน่าขยำสุดๆ จ้า มาซานฟรานฯ ต้องปักหมุดมาให้ได้เด้อ

 

 

        หลังจากมองเห็น Alcatraz จากฝั่ง Pier 39 กันไกลๆ ก็ได้เวลาลงเรือข้ามไปสัมผัสความขลังของที่นี่ในระยะประชิดกันแล้วละ นี่คืออีกพิกัดยอดฮิตของซานฟรานฯ ที่เกือบทุกคนต้องแวะมา อัลคาทราซในอดีตนั้นได้ชื่อว่าเป็นคุกสุดโหดที่มีไว้ขังบรรดานักโทษระดับตัวท็อปจ้า บอกเลยว่าด้วยระบบความปลอดภัยและสถานที่ตั้ง ทำให้ยังไม่เคยมีนักโทษคนไหนเล็ดลอดออกมาได้เลยนะ ทุกวันนี้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสนใจ และเป็นไฮไลท์หลักแห่งหนึ่งของเมืองนี้เลยจ้า นี่จึงเป็นอีกพิกัดที่ต้องแวะเมื่อมาซานฟรานฯ เด้อ

 

 

 

       จากความระทึกใจที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายน่าหดหู่ของอัลคาทราซ แนะนำให้ข้ามมาปิดทริปกันที่อีกพิกัดยอดฮิตอย่าง Fisherman Wharf ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ที่นี่เป็นท่าเรือเก่าแก่ที่ชาวประมงในท้องถิ่นเคยใช้ซื้อขายและขนถ่ายบรรดาอาหารทะเลขึ้นสู่ฝั่ง แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสุดปังซึ่งมีนักท่องเที่ยวไปแวะเวียนกันอย่างไม่ขาดสาย นอกจากบรรยากาศสบายๆ ไฮไลท์ของที่นี่ก็ต้องยกให้กับอาหารซีฟู้ดสดใหม่ซึ่งมีให้เลือกชิมกันหลายประเภทละลานตา แถมราคายังพอจับต้องได้ด้วยนะ แวะมารองท้องจัดหนักส่งท้ายก่อนบอกลาซานฟรานฯ กันให้เต็มเหนี่ยวไปเลยเด้อ
       หวังว่าแพลนเที่ยวซานฟรานฯ 3 วัน 2 คืนแบบสบายๆ ที่เราเอามาฝากกันคราวนี้ จะเป็นแผนเที่ยวที่ทำให้ทุกคนแฮปปี้กันได้น้า ซานฟรานซิสโกยังมีพิกัดท่องเที่ยวซึ่งมีเสน่ห์น่าค้นหาอีกหลายแห่งเชียวละ เชื่อว่านี่จะต้องเป็นอีกเมืองที่คุณจะหลงรักเมื่อได้แวะมา ปักหมุดลงลิสต์กันเอาไว้เลยน้า นี่คืออีกหนึ่งพิกัดที่คุ้มค่าและควรหาเวลามาโดนกันซักที

 


จองตั๋วเครื่องบินไปซานฟราสซิสโก กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/San-Francisco.SFO